พญาครุฑและพญานาค
ทั้งครุฑทั้งนาคเกี่ยวพันกับพระนารายณ์ ครุฑเป็นพาหนะพระองค์ ขณะนาคเป็นพระแท่นให้บรรทมในน้ำ...(นารายณ์บรรทมสินธุ์ นารายณ์บรรทมบนนาค)
สัตว์กายสิทธิ์คู่นี้เป็นพี่น้องกัน พ่อเดียวแต่ต่างแม่ พ่อคือมหาฤาษีกัสยปะเทพบิดร มีนางวินตาแม่ของครุฑเป็นภรรยาหลวง ส่วนนางกัทรุแม่ของนาค เป็นเมียรอง เมียทั้งสองไม่ถูกกัน และความผิดใจก็ลามไปให้ลูกเป็นอริกันด้วย
เหตุมาจากนางทั้งสองพนันกันว่า ม้าอุจชัยศวรที่วิ่งไปมาอยู่บนสวรรค์มีหางเป็นสีอะไร ใครทายผิดแพ้ ต้องเป็นข้ารับใช้ฝ่ายชนะตลอดไป นางวินตาตอบว่าสีขาว นางกัทรุตอบว่าสีดำ สีขาวคือคำตอบที่ถูกต้องนะคร้าบ แต่ก่อนเฉลย นางกัทรุเจ้าเล่ห์กลัวแพ้เขา จึงให้ลูกๆ ซึ่งเป็น งูและนาครวม ๑,๐๐๐ ตัว เลื้อยแทรกเข้าไปในพู่หางม้า เข้าไปยั้วเยี้ยจนหางม้าเห็นเป็นสีดำมืดไป นางวินตาจึงกลายเป็นผู้แพ้ต้องก้มหน้าเป็นข้ารับใช้นางกัทรุ
ขณะนั้นไข่ใบที่ ๒ ที่นางวินตาคลอดออกมาก่อนหน้า แตกออกเป็นครุฑ ครึ่งชายครึ่งนก สมบูรณ์แข็งแรง เจริญเติบโตรวดเร็ว สามารถบินข้ามมหาสมุทรได้ในเวลาอันสั้น
เมื่อออกจากไข่แล้วก็บินไปตามหาแม่ซึ่งไปเป็นสาวใช้อยู่จนพบ นางวินตาเล่าเรื่องที่ถูกโกงให้ลูกใหม่ฟัง แล้วก็ห้ามไว้ไม่ให้ลูกซึ่งกำลังโกรธไปทำอะไรฝ่ายนางกัทรุ เพราะต้องการรักษาสัตย์ ทั้งแม่ทั้งลูกจึงต้องเป็นข้าช่วงใช้ของแม่ลูกอีกคู่ จะไถ่ตัวออกไปได้ก็ต้องเอาน้ำอำมฤตของพระอินทร์มาแลก
พระอินทร์สั่งเพิ่มกำลังรักษาหม้อน้ำอำมฤตตรงกลางกงจักร มีงู ๒ ตัวหมุนกงจักรมีไฟล้อมรอบ พญาครุฑจึงไปอมน้ำในมหาสมุทรมาพ่นดับไฟ และจับงูกิน แต่ยังไม่ทันนำน้ำอำมฤตกลัไป พระอินทร์ก็เข้าขัดขวาง เกิดการต่อสู้กันขึ้น พระอินทร์สู้ไม่ได้ ร้อนถึงพระนารายณ์ต้องลงมาช่วย
แต่ทั้งพระนารายณ์และพญาครุฑไม่มีใครแพ้ใครชนะ จึงหยุดรบทำสัญญาเป็นไมตรีต่อกัน พญาครุฑสัญญาจะเป็นพาหนะของนารายณ์ตลอดไป ฝ่ายพระนารายณ์ก็จะให้พญาครุฑเป็นอมตะ จากนั้นจึงได้นำน้ำอำมฤตไปไถ่ตัวมารดา ไถ่ไม่ไถ่เปล่า จับนาคลูกแม่ขี้โกงกินซะ แต่เนื่องจากทั้งพญานาคและพญาครุฑต่างก็เป็นผู้รับใช้พระนารายณ์ด้วยกัน พระองค์จึงขอร้องพญาครุฑว่าอย่าทำอันตรายพญานาคเมื่ออยู่ต่อหน้าพระองค์