ฝ่ายกระต่ายเมื่อได้ลงไปในกระเฌอของยายสมตามความตั้งใจ ก็ลุกขึ้นมาปลอกกล้วยกินและได้ทิ้งเปลือกไปข้างหลัง ส่วนยายนั้นเมื่อได้ยินเสียงทิ้งเปลือกกล้วยก็หันกลับไปดู แต่ก็ไม่เห็นมีอะไร ได้เห็นแต่เปลือกกล้วย ก็บังเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าใครนะเดินทางไปก่อนตน เมื่อยายหันไปข้างหลัง กระต่ายก็ทิ้งเปลือกกล้วยไปข้างหน้า เมื่อยายหันหน้าเพื่อที่จะเดินต่อไปก็เห็นเปลือกกล้วยอีกแล้วก็กล่าวว่า เปลือกกล้วยนี้ยังคงใหม่อยู่เลยคงจะต้องมีใครสักคนอยู่ข้างหน้าใกล้ ๆ นี้แหละง และคงจะเดินไปกินกล้วยไปด้วย ยายจึงรีบก้าวเดินไปเพื่อที่จะให้ทัน แม้ยายคนนั้นจะรีบเดินมากเท่าไรก็ตามไม่ทันเสียที จนกระทั่งยายเหนื่อยจึงหยุดพักเอากระเฌอวางลง ก็ได้เห็นกระต่ายกินกล้วยของตนจนหมดหวี เมื่อเห็นดังนั้นแล้วก็โกรธมาก กระต่ายก็กระโดดออกวิ่งไปยายก็รีบวิ่งตามไปเพื่อหมายที่จะตีกระต่ายตัวนั้น กระต่ายก็วิ่งขึ้นไปอยู่บนต้นคลุ้ม ยายตีไม่ได้จึงได้เอากรรไกรที่มีไว้ผ่าหมากตัดต้นคลุ้มนั้นกระต่ายได้เห็นดังนั้นก็ตกใจเป็นอันมาก ด้วยความที่ฉลาดและมีไหวพริบดี จึงกล่าวกับยายว่า
“ยายเอ๋ยถ้ายายเอากรรไกรนั้นตัดต้นคลุ้มนี้ กรรไกรของยายจะหักเอาเสียเปล่า ๆ เพราะต้นคลุ้มนั้นมันแข็งมาก ถ้ายายไม่เชื่อยายก็ลองเอากรรไกรขูดดูแก่น ของมันซี แก่นของมันจะมีสีแดงแจ๋ทีเดียว” ยายก็สงสัยจึงเอากรรไกรขูดต้นคลุ้มดู เมื่อเอาเปลือกด้านนอกออกก็เห็นด้านในก็เป็นสีแดง ยายก็คิดว่าเป็นแก่นจริง ๆ จึงไม่กล้าตัด จึงไปหาเอามีดมา เมื่อยายไปแล้ว กระต่ายก็วิ่งไปอยู่ในโพรงของต้นไม้ ยายก็จับตีไม่ได้อีก ยายจึงคิดอ่านเอาบ่วงมาดักไว้ที่ปากโพรงต้นไม้ หากกระต่ายออกมาจะได้ติดบ่วง เมื่อยายดักบ่วงเสร็จกระต่ายก็คิดว่าหากตนออกไปต้องติดบ่วงตายเป็นแน่แท้ จึงคิดหลอกยายอีกครั้ง แล้วก็บอกกล่าวกับยายอีกว่า
“ยายเอ๋ยทำบ่วงดักฉันอย่างนั้นนะไม่มีวันที่ได้ตัวฉันหรอกน่ายาย เพราะบ่วงอย่างนั้นมันไม่รูด ถ้ายายไม่เชื่อยายก็ลองเอาขาของยายใส่ลงดูก่อนก็ได้นะ” ฝ่ายยายก็สงสัยว่าเป็นจริงอีก จึงเอาขาใส่ลงไปในบ่วงดูคันของบ่วงก็ยกขึ้น ตอนนี้บ่วงติดขาของยายเสียแล้ว ทำให้ยายต้องห้อยโตงเตงอยู่อย่างนั้น กระต่ายก็ออกจากโพรงไปได้ แล้วก็หัวเราะเยาะยายว่า “ยายหน้าโง่ติดบ่วงๆปเถิดข้าไปก่อนหละ ว่าแล้วกระต่ายก็จากไป”