นางนกไส้
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ ทรงปรารภพระเทวทัตผู้ไม่มีความกรุณาปรานีแก่หมู่สัตว์ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วพระโพธิสัตว์เกิดเป็นพญาช้างมีช้างประมาณ ๘๐,๐๐๐ เชือก เป็นบริวารอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ และในที่ไม่ไกลจากที่อยู่ของช้างนั้นมีไข่นางนกไส้ (นกต้อยตีวิด) ตัวหนึ่งตกฟองไข่อยู่ที่พื้นดินใกล้ทางเดินของพญาช้าง ในรังนั้นมีลูกนกออกใหม่หลายตัว
วันหนึ่ง พญาช้างนำบริวารหากินไปถึงที่นั่น นางนกไส้เห็นช้างกำลังเดินมา กลัวว่าช้างจะเหยียบลูกน้อยจึงประคองปีกทั้งสองข้างและยืนอยู่ต่อหน้าพญาช้างพร้อมพูดอ้อนวอนว่า “ท่านพญาช้าง ข้าพเจ้าขอไหว้ท่านด้วยปีกทั้งสอง ขอพวกท่านอย่าได้เหยียบลูกน้อยของข้าพเจ้าผู้ไม่มีกำลังเลย” พญาช้างตอบว่า “แม่นางนกไส้ ไม่ต้องกลัวเราจะรักษาลูกของเจ้าให้เอง” ว่าแล้วก็ยืนค่อมรังนกไว้ แล้วให้ช้างบริวารเดินผ่านไปก่อน แล้วได้กล่าวเตือนนางนกไส้ว่า “ยังมีช้างเกเรเชือกหนึ่งมักหากินผู้เดียว จะตามหลังมา เขาไม่อยู่ในโอวาทของเรา เจ้าจงอ้อนวอนเขาเองนะ” ว่าแล้วก็เดินตามหลังช้างบริวารไป ต่อมาไม่นานนักช้างหัวดื้อชอบแตกโขลงตัวนั้นก็มาถึงที่นั่น นางนกไส้ก็แสดงตนพร้อมพูดอ้อนวอนเหมือนกับครั้งก่อน ช้างนั้นพอได้ฟังว่ามีลูกนกอยู่ข้างหน้ายิ่งชอบใจใหญ่ กล่าวตอบนางนกไส้ว่า “แม่นางนกไส้เอ๋ย.. เราจักฆ่าลูกน้อยของเจ้าให้หมดสิ้น เจ้าจะมีปัญญาทำอะไรเราได้” ว่าแล้วก็เดินเข้าไปกระทืบรังนกแหลกละเอียดแล้วร้องแป้นๆ เดินจากไป
ฝ่ายนางนกไส้ที่บินหนีตายขึ้นไปจับกิ่งไม้ ได้พูดอาฆาตตามหลังช้างนั้นว่า “เจ้าช้างเกเร วันนี้เป็นวันของท่าน จะปล่อยท่านไปก่อน วันข้างหน้าเราจะเห็นดีกัน การใช้กำลังทำลายผู้ไม่มีกำลังไม่ดีแน่สำหรับท่าน” กล่าวจบก็บินไปขอความช่วยเหลือจากกา กาถามว่าจะให้ช่วยเหลืออะไร นางนกไส้จึงเล่ารายละเอียดให้ฟังว่า “ท่านกา ขอเพียงท่านช่วยจิกตาช้างให้บอดเท่านั้นเอง กาก็รับคำ ช่วยเหลือนั้น
นางนกไส้เข้าไปหาแมลงวันหัวเขียว แล้วเล่าเรื่องให้ฟังแล้วขอความช่วยเหลือให้แมลงวันหัวเขียวไข่ใส่ตาช้าง แมลงวันก็รับคำช่วยเหลือ ต่อจากนั้นก็เข้าไปหากบตัวหนึ่ง เล่าเรื่องให้ฟัง และก็ขอความช่วยเหลือว่า “ท่านกบเมื่อช้างตาบอดและแมลงวันไข่ใส่ตามันแล้วมันก็จะแสวงหาน้ำดื่ม ขอให้ท่านไปอยู่ที่ปากเหวส่งเสียงร้องล่อช้างไปตกเหวให้หน่อย” กบก็รับคำช่วยเหลือ
หลายวันต่อมา นางนกไส้เสาะแสวงหาจนพบช้างเกเรตัวนั้นแล้วจึงไปบอกกา กาได้ไปจิกตานั้นบอดทั้งสองข้างแมลงวันหัวเขียวก็ไปไข่หนอนใส่ตาช้างอีก สร้างความเจ็บปวดทรมานให้แก่ช้างเป็นอย่างยิ่ง สองสามวันต่อมาช้างเกเรเดินแสวงหาสระน้ำดื่มด้วยความกระหาย ได้ยินเสียงกบร้องแว่วมาแต่ไกลจึงกำหนดทิศทางเสียงกบด้วยเข้าใจว่ากบร้องอยู่ข้างสระน้ำ เดินไปไม่นานก็ผลัดตกเหวตายในที่สุด สร้างความดีใจแก่นางนกไส้เป็นอย่างยิ่งที่ศัตรูได้ตายไป
พระพุทธองค์เมื่อเล่านิทานจบจึงตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลายขึ้นชื่อว่าเวรไม่ควรทำกับใคร ๆ แม้สัตว์ทั้ง ๔ ร่วมมือกันทำให้ช้างผู้มีกำลังกว่าให้ตายได้” แล้วตรัสพระคาถาว่า
“ท่านจงดูกา นางนกไส้ กบ และแมลงวันหัวเขียว สัตว์เหล่านี้ได้ฆ่าช้างแล้ว จงดูการจองเวรของคนคู่เวรทั้งหลาย เพราะฉะนั้น พวกเธออย่าได้ก่อเวรกับใคร ๆ แม้กับคนไม่เป็นที่รักเลย”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าคิดข่มเหงคนอื่น ด้วยการดูถูกว่าเขามีกำลังน้อยกว่า เพราะการสร้างเวรย่อมนำความเดือดร้อนมาให้
 英语
英语 日语
日语 韩语
韩语 法语
法语 德语
德语 西班牙语
西班牙语 意大利语
意大利语 阿拉伯语
阿拉伯语 葡萄牙语
葡萄牙语 越南语
越南语 俄语
俄语 芬兰语
芬兰语 丹麦语
丹麦语 对外汉语
对外汉语