1.กินน้ำใต้ศอก
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายไปในทางที่ว่าถึงจะได้อะไรสักอย่างก็ไม่เทียมหน้าหรือไม่เสมอหน้าเขา เช่นหญิงที่ได้สามี แต่ต้องตกไปอยู่ในตำแหน่งเมียน้อย ก็เรียกว่า “กินน้ำใต้ศอกเขา”
ที่มาของสํานวน คนในสมัยก่อนอธิบายว่า คนหนึ่งเอาสองมือรองน้ำมากิน มากิน อีกคนหนึ่งรอหิวไม่ไหวเลยเอาปากเข้าไปรองน้ำที่ไหลลงมาข้อศอก ของคนกอบน้ำกินนั้นเพราะรอหิวไม่ทันใจ
2.กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงคนที่เนรคุณคนเปรียบได้กับคนที่อาศัยพักพิงบ้านเขาอยู่แล้ว คิดทำมิดีมิชอบให้เกิดขึ้นภายในบ้านนั้น ทำให้เจ้าของบ้านที่ให้อาศัยต้องเดือดร้อน
ที่มาของสํานวน มาจากที่คนโบราณเอาลักษณะของแมวที่ไม่ดี คือกินแล้วถ่ายไม่เป็นที่ โดยขึ้นไปขี้บนหลังคาให้เป็นที่สกปรกเลอะเทอะเพราะคนสมัยก่อนต้องการให้หลังคาสะอาดเพื่อรองน้ำฝนไว้กิน จึงเอาแมวที่ทำไม่ดีนี้ มาเปรียบเทียบกับคนชั่วที่ไม่รู้จักบุญคุณคน
3.กินปูนร้อนท้อง
สํานวนสุภาษิตนี้ เปรียบเหมือนคนเมื่อทำความผิดแล้วเกรงว่าคนอื่นจะจับความผิดของตนได้ อันที่จริง เฉยไว้ก็ไม่มีใครรู้แต่กลับแสดงอาการพิรุธออกมาให้เห็นก่อนที่คนอื่นจะรู้
ที่มาของสํานวน เกิดจากการที่คนเราเอาปูนมาล่อให้ตุ๊กแกกินเข้าไป ซึ่งเมื่อมันกินมันจะมีอาการเมา งัวเงีย ส่งเสียงร้องแก้กๆ ซึงพอคนฟังก็เหมาเอาว่าเป็นเพราะมันร้อนท้อง
4.กินน้ำเห็นปลิง
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการจะทำสิ่งใดๆอยู่แล้ว แต่ไปเจออะไรที่ไม่ไว้วางใจ จึงไม่ทำสิ่งนั้นๆต่อให้จบ
ที่มาของสํานวน เปรียบเปรยถึงคนที่จะกินน้ำในแก้วที่ตักมาจากบ่อ แต่เผอิญเหลือบไปเห็นน้ำในบ่อมีปลิงอยู่ ก็เกิดอาการรังเกียจไม่อยากกินน้ำในแก้วนั้นแล้ว