กากับหมาจิ้งจอก
ครั้งหนึ่ง ยังมีกาตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในป่า รู้สึกเหงาจึงตัดสินใจว่า จะต้องมีลูกไว้เลี้ยงกับเขาบ้าง เมื่อคิดดังนั้นแล้วได้ลงมือสร้างรังบนต้นยางใหญ่ ตกไข่ออกมา 4 ฟอง อดทนกกไข่อยู่เป็นเวลายี่สิบสองวัน จนไข่ฟักออกมาเป็นลูกกาน้อยครบ 4 ตัว
พอลูกน้อยออกจากไข่ แม่กาก็ต้องทำงานหนักเพื่อหาอาหาร เลี้ยงลูกตลอดทั้งวัน ทั้งยังต้องคอยปกป้องภยันตราย ที่อาจจะเกิดขึ้นกับลูกน้อยมีมากนัก และอาจจะมาได้ทุกทิศทุกทาง ศัตรูที่แม่กากลัวที่สุดก็มีหมาจิ้งจอก ที่ใจทรามต่ำช้าตัวหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ไม่ห่างจากต้นยางมากนัก
เมื่อหมาจิ้งจอกได้ยินเสียงลูกการ้องเซ็งแซ่ เมื่อหิวมันก็พูดกับตัวเองว่า
"เอ้อ ที่แท้อาหารของเราก็อยู่บนต้นยางนี่เอง"
แล้วมันก็เดินไปที่ต้นยาง แต่เห็นรังกาอยู่เกินกำลังที่มันจะกระโดดขึ้นไปถึงได้ มันจึงวางอุบายที่ชั่วร้ายทันที อย่างน้อยจะต้องได้งอบเก่าๆ สักใบเสียก่อน มันจึงลอบเดินเข้าไปในหมู่บ้าน ก็ได้งอบเก่าๆ สมใจที่สวมอยู่บนตอไม้ มันจึงใส่งอบแล้วกลับไปที่ต้นยาง จับมีดขึ้นทำท่าจะฟันต้นยางให้โค่นลง แม่กาได้ยินเสียงมีดอยู่โปกโปก ก็กลัวมองลงมาจากต้นไม้ เห็นแต่งอบจึงคิดว่า "ตายแล้วคนมาตัดต้นไม้" จึงร้องถามไปว่า
"นั่นใคร กำลังจะมาทำอะไรกับต้นไม้นี่"
แล้วแม่กาก็ได้ยินคำตอบว่า "ข้าเป็นคนตัดไม้น่ะซีจะมาตัดต้นไม่ของข้า"
แม่กาตกใจเป็นอันมาก อ้อนวอนว่า "ได้โปรดเถิดอย่าเพิ่งตัดมันเลย รังของข้าบนยอดไม้นี้มีลูกอ่อนอยู่" แม่กากลับได้รับคำตอบที่เหี้ยมโหดว่า "ก็ใครใช้ให้เอ็งมาทำรัง บนต้นไม้ของข้าล่ะ ข้าจะตัดละ"
จะอ้อนวอนคร่ำครวญอย่างไร หมาจิ้งจอกก็ยืนคำจะตัดต้นไม้ลงท่าเดียว จะผัดผ่อนขอเวลาอีกสัก 3-4 วัน พอให้ลูกกาขนงอกอีกสักหน่อย มันก็ไม่ยอม ยืนคำอยู่ประโยคเดียวซ้ำซากว่า "ต้องตัดจะเอาฟืนไปขาย"
ในที่สุด มันก็ชำเลืองตามองขึ้นไปบนต้นไม้ อย่างมีเลศนัยแล้วทำเสียงอ่อนลง
"ก็ได้ เอาละข้าจะยอมผ่อนผันให้สัก 2 วัน แต่เอ็งต้องส่งลูกของเอ็ง มาให้ข้ากินตัวหนึ่งก่อน" แม่กาเห็นว่าไม่มีทางอื่นแล้ว จึงร่ำไห้ปิ่มว่าจะขาดใจตาย คาบลูกน้อย ยื่นให้หมาจิ้งจอกผู้ใจร้ายตัวหนึ่ง เจ้าหมาตะกละขยอกลูกกาลงไปในท้องทันที มันดีใจมากที่อุบายของมันได้ผล และนึกกระหยิ่มอยู่ในใจ ต่อไปจะได้ใช้อุบาย ไว้ขม้ำกินลูกนกชนิดอื่นอีกต่อไป แล้วมันก็เดินเลียปากไปทางอื่น
นกกางเขนเสียงหวานตัวหนึ่ง บินผ่านมาเห็นกาโศกเศร้าเกาะกิ่งไม่สะอึกสะอื้น จึงร้องถามเหตุ แม่กาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เล่าไปร้องไห้ไป นกกางเขนจึงเอ่ยขึ้นมา
"เรื่องนี้ฉันเห็นว่าแปลกเสียแล้ว ธรรมดาคนตัดไม้เขาจะไม่ตัดไม้ต้นเล็กๆ อย่างนี้ โดยเฉพาะต้นรัง แกคงถูกอุบายเสียแล้ว เอาอย่างนี้ วันหลังคนตัดไม้มาอีก บอกให้ฉันรู้ด้วย บางที่จะมีหนทางแก้ปัญหานี้ได้
อีกสองวันต่อมา หมาจิ้งจอกจึงกลับมาอีก สวมงอบใบเก่า ยิ้มย่องเข้ามาที่ต้นรัง หนีบมีดทื่อๆ เล่มเก่ามาด้วย แม่กาเห็นหมาจิ้งจอกเดินมาแต่ไกล จึงบินไปตามนกกางเขน ให้มาซุ่มสังเกตุการณ์ นกกางเขนเห็นหมาสวมหมวกงอบ ก็บอกกับแม่กาว่า
"โธ่เอ๋ย นั่นมันคนเมื่อไหร่ หมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ต่างหาก ถ้ามันขู่จะตัดต้นไม้อีก แกอย่าทำเป็นกลัวมัน ท้าให้มันเลย มีดก็ทื่อ แขนมือมันก็ไม่มี มันจะตัดได้อย่างไร เชื่อฉันเถิด"
ขณะที่หมาจิ้งจอกทำทีจะฟันต้นไม้อยู่นั้น แม่กาก็บินมาเกาะที่ขอบรัง ร้องบอกโคนต้นไม้ว่า
"นั่นแกหรือ มาอีกแล้วนะ เชิญเลย ตัดเสียเลยต้นไม้ต้นนี้ ข้าเบื่อเต็มที่ กำลังจะย้ายลูกไปอยู่ต้นใหม่แล้ว ตามสบายนะ ถ้าแกคิดว่าหมาอย่างแก จะมีปัญญาตัดต้นไม้ได้ แกนี่เลวจริงๆ"
หมาจิ้งจอกได้ยินอย่างนั้นก็แปลกใจ ที่แม่กาเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างนั้น มันรู้ได้ทันทีว่า แม่กาจะต้องมีที่ปรึกษา ที่ฉลาดไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว
"ใครบอกแกว่าข้าไม่ใช่คนตัดต้นไม้" แม่กากำลังดีใจที่ได้ผล เผลอตัวบอกไปว่า นกกางเขนเป็นคนบอก หมาป่าจึงสัญญากับตัวเองว่า "ข้าจะต้องแก้แค้นนางนกกางเขนให้ได้"
ต่อมาอีก 2-3 วัน มันคิดอุบายใหม่ได้ มันจึงไปนอนเกลือกที่บ่อตมแห่งหนึ่ง จนตัวมอมแมม แล้วก็ไปทำตายอยู่ที่ต้นไม้ ที่แม่นกกางเขนทำรังอยู่ นกกางเขนเห็นสัตว์มานอนตายก็บินโฉบไปมา 2 เที่ยว คิดว่าสัตว์นั้นตายสนิท เราจะเจาะกินลูกตามันเสีย ของชอบเสียด้วย
คิดแล้วแม่นกกางเขนก็โฉบลงมา แทะกลางตัวหมาจิ้งจอก มันก็นอนนิ่งเสีย จิกซี่โครงมันให้แน่ใจว่ามันตาย มันก็นอนนิ่งเสีย จึงตายใจโผไปเกาะที่หัวของมัน พอก้มลงจะจิกลูกตา มันก็อ้าปากงับขานกกางเขนไว้ได้ นกกางเขนแม้รู้ตัวว่าเสียทีหมาเสียแล้ว แต่ก็คุมสติไว้ได้ ทำใจดีสู้เสือพูดว่า
"แกมีสิทธิ์จะกินข้าเสียได้ เพราะข้านี่แหละ ที่เป็นคนบอกความจริงว่าแกไม่ใช่คน แม่กาจึงรู้ทันแกข้าก็ไม่โง่กว่าแกหรอก ทำไมไม่ลองคบข้าเอาไว้ แกจะกินข้าเดี๋ยวนี้ก็ได้ แต่จะมีประโยชน์อะไรอิ่มมื้อเดียว ถ้าไว้ชีวิตข้าเอ็งก็ได้ข้าเป็นพวก ข้าก็จะต้องตอบแทนบุญคุณของเอ็ง หานกหาสัตว์มาให้เอ็งกินสบายไปตลอดชาติ ตัดสินใจเสียเร็วๆ แล้วตอบข้ามา"
หมาจิ้งจอกได้ฟังดังนั้น ก็ไตร่ตรองหนัก ข้อเสนอของแม่นกกางเขน ในใจคิดว่า จริงของมันนางนี่ฉลาดเป็นกรดทีเดียว ถ้ามันยอมเป็นเพื่อนก็หวานเรา
นางนกกางเขนรุกต่อ "เร็วๆ เข้า ต้องให้คำมั่นสัญญาเสียต่อหน้าแสงตะวัน และจ้าวป่า, สามหนว่าเราจะเป็นเพื่อนกัน เร็วเข้าตะวันจะตกดินอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว"
ได้ยินเสียเร่งอย่างนั้น หมาจิ้งจอกจึงอ้าปากจะให้คำมั่นสัญญา ในวินาทีนั้นเองนกกางเขนก็เป็นอิสระ บินปร๋อขึ้นไปเกาะอยู่บนยอดไม้ ทิ้งหมาจิ้งจอกเสียดาย และเศร้าใจในความโง่ของตัวเอง มาพบนางนกที่ฉลาดกว่าเข้าได้
ฝ่ายนางนกกางเขนนั้น มิได้หยุดอยู่แต่เพียงแค่ได้รอดชีวิตมา รุ่งขึ้นนางนกกางเขน ยังไปป่าวร้องพวกเพื่อนในป่า ให้มาชุมนุมพร้อมกัน เพื่อจะช่วยกันวางแผนกำจัดหมาจิ้งจอก ให้สิ้นซาก
ขณะที่หมาจิ้งจอกนอนหลับอยู่ข้างบ่อน้ำ ฉับพลันก็มีนกชนิดต่างๆ รวมกันเป็นฝูงมหึมา บินกรูกันลงมารุมจิกหมาจิ้งจอก บ้างก็เอากงเล็บช่วยตะกุยมัน หมาจิ้งจอกไม่ทันรู้ตัวจึงตกใจไม่ทันคิด วิ่งหนีเอาตัวรอดสุดชีวิต และฝูงนกก็บินตามได้เร็วกว่า จึงวิ่งหนีอย่างไม่มีทิศทาง ในที่สุดจึงตกบ่อน้ำ จมน้ำตาย