ลิงกับนายพราน
กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้วยังมีนายพรานคนหนึ่ง อาศัยอยู่ในกระท่อมกลางป่าแห่งหนึ่ง พร้อมด้วยลูกและเมีย แทบทุกวันนายพรานจะต้องเข้าป่าล่าสัตว์มาขาย หรือเป็นอาหารเลี้ยงครอบครัว อยู่มาวันหนึ่ง นายพรานเข้าไปในป่าหาสัตว์เช่นเคย ตั้งแต่เช้ายันบ่ายหาสัตว์ไม่ได้เลยแม้แต่ตัวเดียว จึงเดินลึกเข้าไปในใจกลางป่า กว่าที่ได้เคยไปมาแล้ว ยิ่งเดินลึกเข้าไปป่าก็ยิ่งรก และหนาทึบ ต้นไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุมหนาแน่น จนแสงแดดส่องไม่ถึงพื้นดิน
สัตว์ป่าทั้งหลายเมื่อเห็นนายพราน ก็ส่งเสียงร้องระเบ็งเซ็งแซ่ เพื่อส่งสัญญาณภัยต่อๆ กันไป ชั่วพรึกตาเดียวก็แตกตื่นหนีไปจนหมดสิ้น แม้แต่สัตว์ชุกชุมนายพรานก็คว้าน้ำเหลว ไม่ได้อะไรติดมือมาเลย นายพรานก็ยังมุ่งมั่นจะหาสัตว์เล็กๆ ให้ได้สักตัวเดียวก็ยังดี จึงเดินลึกเข้าไปในป่าอีก
ตะวันก็บ่ายคล้อยลงไปทุกที นายพรานก็ยังล่าสัตว์ ไม่ได้เลยสักตัวเดียว เห็นว่าอากาศขมุกขมัวลงทุกที เขาจึงหลับหลังจะรีบกลับบ้าน แต่เนื่องจากเป็นทางใหม่ไม่คุ้นเคยมาก่อน นายพรานก็หาทางออกไม่ได้ เดินวนเวียนอยู่หลายตลบจนอ่อนใจ เกรงว่าลูกเมียจะคอยด้วยความห่วงใย เพราะไม่เคยกลับบ้านค่ำเลย คิดแล้วก็ทำให้เกิดความทุกข์เพิ่มขึ้นทุกที
ขณะที่ตะวันจะลับยอดไม้อยู่แล้ว จึงหาทางออกพบนายพรานดีใจเหมือนเกิดใหม่ สาวเท้าเดินอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะให้พ้นจากดงทึบก่อนตะวันจะสิ้นแสง
ระหว่างเดินทางกลับ นายพรานเกือบจะไม่เห็นทาง และหิวโหยยิ่ง และโดยที่มิได้คาดฝัน มีเสือโคร่งตัวใหญ่ โผล่พรวดออกมาจากพุ่มไม้ข้างทาง นายพรานเห็นเช่นนั้นตกใจยืนตะลึงตัวแข็งอยู่ ไม่รู้จะทำอย่างไร
เสือเมื่อเห็นเหยื่ออย่างไม่คาดก็ดีใจ ตั้งท่าจะตะครุบเอานายพรานเป็นอาหารเสีย นายพรานจะยิงก็เล็งหน้าไม้ไม่ทัน เพราะเสือกระโดดเข้าใส่เสียก่อน จึงตัดสินใจวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต โดยมีเจ้าเสือร้ายวิ่งไล่ตามอยู่ข้างหลัง เมื่อจวนตัวจะหนีไม่พ้นแล้ว นายพรานจึงโยนหน้าไม่ทิ้ง แล้วก็ปีนต้นไม้หนีขึ้นไปนั้งหอบ อยู่บนคบไม้ ไม่แน่ใจว่าจะสูงพอหนีเสือหรือไม่
บนต้นไม้นั้นมีลิงแม่ลูกอ่อน กำลังกกลูกให้นอนอยู่ในโพรงไม้ เห็นเหตุการณ์เข้า ก็เกิดสงสารนายพราน จึงหย่อนเถาวัลย์ลงมาให้นายพรานเกาะ โหนตัวขึ้นไปได้อย่างหวุดหวิด นายพรานจึงรอดตายอย่างใจหายใจคว่ำ ด้วยความช่วยเหลือของลิง
ฝ่ายเสือเมื่อพลาดเหยื่อ ก็เกิดความเสียดายนอนเฝ้าตาปริบๆ อยู่โคนต้นไม้นั้นเอง คิดว่านายพรานกำลังหิว คงจะต้องไต่ต้นไม้มาหาอาหารกินแน่ จะได้จับกินเป็นอาหารของตนเสีย
เมื่อสิ้นแสงตะวัน ความมืดโลยตัวเข้ามาแทนที่ ลิงและคนจึงเปลี่ยนอยู่ยาม โดยลิงให้นายพรานนอนก่อน ด้วยเห็นว่าทั้งหิวทั้งเหนื่อย
พอนายพรานหลับได้ยินเสียงกรน เสือจึงพูดอ้อนวอนลิง พลักนายพรานลงมาให้ตนกินเสีย อ้างว่านายพรานนั้นเป็นมนุษย์ใจบาป เที่ยวฆ่าสัตว์ จับลูกสัตว์ไปขาย ทำความทุกข์ยากให้แก่สัตว์ในป่าไว้มากมาย
ฝ่ายลิงก็ตอบเสือไปว่า จะทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะหนีร้อนมาพึ่งเย็น เสือเห็นว่าพูดอย่างไร ก็คงจะไม่เป็นผล จึงเดินไปหาอาหารที่อื่นกินต่อไป เพราะเสือก็ยังไม่ได้กินอาหารเลย
พอตกเที่ยงคืน ลิงจึงปลุกนายพรานให้ลุกขึ้นมาอยู่ยามแทน กำชับแล้วกำชับอีกว่าเสือจะหวนกลับมา พูดอะไรอย่างให้เชื่อเป็นอันขาด แล้วลิงก็ล้มตัวลงนอนหลับไป
จริงดังคาด เสือย้อนกลับมาที่ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นอีก เมื่อเห็นลิงหลับเสือก็อ้อนวอนนายพราน ด้วยวาจาหวานว่า "นายพราน ถ้าท่านอยากจะกลับไปหาลูกเมีย จงผลักลิงลงมาให้เรากินเสีย แล้วเราจะปล่อยท่านกลับบ้าน"
ด้วยความอยากกลับบ้าน และความที่เป็นคนมีนิสัยเห็นแก่ตัว เห็นแก่ชีวิตของตนเอง นายพรานจึงหลงเชื่อเสือ ผลักลิงซึ่งเคยมีบุญคุณช่วยชีวิตตนไว้จากปากเสือ ตกลงไปให้เสือกินทันที เสือกระโดดตะครุบคอลิงไว้ได้ ลิงใจบุญเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขันเช่นนั้น เห็นว่าจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ ก็ตามต้องพยายาม จึงทำใจดีสู้เสือ แกล้งทำหัวเราะขึ้นด้วยเสียงอันดัง เสือได้ยินเช่นนั้นก็แปลกใจจึงถามลิงว่า
"จะต้องตายอยู่รอมมะล่ออย่างนี้แล้ว เอ็งจะหัวเราะไปหาอะไร เอ็งนี่มันพิกลแท้ๆ ทีเดียว"
"ท่านนี่ก็เป็นสัตว์ใหญ่ และแข็งแรงมีอำนาจน่าเกรงขาม ข้าไม่นึกเลยว่าท่านจะโง่ถึงเพียงนี้" ลิงตอบหัวเราะเยาะเย้ยซ้ำขึ้นอีก "เอ็งจะว่ายังไงก็ว่ามา" เสือชักอยากรู้เรื่อง
"อ้าว ไหนๆ ข้าก็จะต้องตายอยู่แล้ว จะบอกความจริงอย่างหนึ่งให้ ธรรมดาลิงน่ะ จะบีบคอ จะตะปบหัว จะกัดตามตัว มีตายเสียเมื่อไหร่เล่าท่านเสือเอ๋ย ก็หัวใจของพวกเรามันอยู่ที่หางต่างหาก นี่แน่จะบอกให้ ก่อนที่ท่านจะกัดฉีก ทิ้งร่างเราให้เละไม่น่ากิน อย่าทำดีกว่ากัด หางเราๆ ก็ตายศพเราก็จะเหลือทั้งตัวกินอร่อยน่า"
เสือโง่พอที่จะเชื่อลิง จึงปล่อยคอลิง เพื่อจะตะครุบหาง ฝ่ายลิงได้โอกาสเช่นนั้น ก็รีบวิ่งขึ้นต้นไม้เสียทันที ยักคิ้วหลิ่วตาทำท่าล้อเลียนเย้ยหยันเสือ เสือเมื่อเสียรู้แก่ลิงก็โกรธ และเสียดายเป็นอย่างยิ่งนัก เมื่อเห็นท่าไม่มีทางจะได้กินนายพราน และลิงแล้ว ก็รู้สึกหิวเป็นกำลัง เพราะยังไม่ได้กินอาหารมาตลอดวัน จึงรีบผละออกไปหาอาหารที่อื่น แล้วจึงย้อนกลับมาคุมเชิงใหม่
เมื่อเสือไปแล้วไม่นานฟ้าก็สว่าง พอรุ่งอรุณทางลิงจึงพูดฝากลูกไว้กับนายพราน ผู้ไม่ยอมรับว่าเป็นคนผลักลิงไปให้เสือกิน สั่งนายพรานไว้ว่า "นายพราน เสือเป็นสัตว์พยายามยังไงเสีย ก็จะต้องย้อนกลับมาแน่ หากท่านจะเดินกลับบ้าน จะไม่มีทางรอดจากปากเสือ ข้าไต่ไปตามยอดไม้ได้ ดูลูกข้าไว้ให้ดี ข้าจะหาผลไม้มาฝากทั้งตัวท่าน และลูกของข้า" แล้วลิงก็จากไป
ส่วนนายพรานผู้อกตัญญู พอเห็นเสือหายไปก็คิดในใจว่าไม่เห็นมีอะไร หนีลิงกลับตอนนี้สิดี มาป่า 2 วัน ไม่ได้อะไรติดมือไปเลย มีลูกลิงเล็กๆ ไปให้ลูกเราเลี้ยงไว้ดูเล่นก็ยังดี ขืนคอยให้แม่มันกลับมา มันจะไปยอมให้ลูกมันหรือ"
คิดแล้วนายพรานก็อุ้มลูกลิงไต่ต้นไม้ลงมา เพื่อจะกลับบ้าน พอดีสวนทางกับแม่ลิง วิ่งหิ้วผลไม้มาให้ แม่ลิงพอเห็นนายพรานจะพรากลูกของตัว ก็อ้อนวอนขอลูกคืน นายพรานก็ไม่ยอมให้ กลับยกหน้าไม้ยิงแม่ลิงตาย ทั้งๆ ที่กำลังหิ้วผลไม้มาให้ตนกิน
พอแม่ลิงตายแล้ว นายพรานก็มุ่งหน้าเดินกลับบ้าน เสือผู้รู้ทางหนีทีไล่ เห็นว่าขืนหมอบอยู่แถวใต้ต้น คงไม่ได้กินนายพรานแน่ จึงมาหมอบดักอยู่กลางทาง เมื่อเห็นนายพรานอุ้มลิงผ่านมา จึงกระโดดเข้าตะครุบ ขบเคี้ยวนายพรานและลูกลิง เป็นอาหารเสียปรีเปรมไป
นิทานชาวบ้านนั้น น้อยเรื่องนักจะสอนคนให้กลัว และเกลียดสัตว์ ส่วนมากจะเตือนให้ระวังคนด้วยกันแทบทั้งนั้น