พ่อยอมแล้วลูก
นายดีเป็นคนบ้านนอกบ้านนา เขาได้ตัดสินใจส่งลูกชายไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ อยู่มาวันหนึ่งนายดีได้ไปเยี่ยมลูกชาย
ลูกชายก็ได้บอกพ่อว่า “ตอนนี้พ่อมาอยู่กับผมที่กรุงเทพฯ พ่อจะทำอะไรเหมือนตอนอยู่ที่บ้านเราไม่ได้นะพ่อ
เพื่อความแน่ใจ ถ้าพ่อเห็นผมทำอะไร พ่อก็ทำตามผมก็แล้วกันนะ”
มีอยู่วันหนึ่ง ลูกชายจำต้องไปงานเลี้ยง จึงได้ชวนนายดีพ่อของตนไปงานเลี้ยงด้วย นายดีแกทำอะไรไม่ค่อยจะถูก
ก็เพราะว่าไม่เคยเข้างานสังคม แกจึงกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะกลัวว่าจะทำอะไรให้เป็นที่ขายหน้าให้แก่ลูกชาย
ขณะที่นายดีกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ด้วยกัน นายดีก็พยายามดูการกระทำของลูกชายแกอยู่ตลอดเวลา ถ้าแกเห็น
ลูกชายของแกทำอะไรแกก็จะทำตาม ในเมนูแรกเขายกอ้อยควั่นมาเสิร์ฟ ลูกชายก็หยิบเอาอ้อยเข้าปาก
นายดีก็ทำตามลูกชาย ต่างคนต่างกิน พอน้ำอ้อยหมดก็เหลือแต่กากอ้อย ทางฝ่ายลูกชายนั้นก็เอาผ้าเช็ดปาก
มาปิดปากแล้วจึงค่อยคายกากอ้อยออกมา ในตอนนั้นนายดีไม่ทันได้สังเกตุ คิดว่าลูกชายแค่จะเช็ดปากเฉยๆ
นายดีจึงไม่ได้คายกากอ้อยออกมา นายดีจึงเคี้ยวกากอ้อยต่อไปอยู่พักใหญ่ ก็ไม่เห็นลูกชายจะคายกากอ้อยออกมา แกจึงคิดในใจ
“เอ..มันคายกากอ้อยออกมาตอนไหนกันหว่า ที่ใต้โต๊ะก็ไม่มี หรือมันจะกลืนลงท้องไปแล้วหว่า”
คิดได้ดังนั้นแกจึงตัดสินใจว่า “เอา..กลืนก็กลืนวะ” เมื่อกลืนลงไปแล้วกากอ้อยก็ติดอยู่ในคอ
นายดีจึงจำเป็นต้องดื่มน้ำตามเข้าไปมากๆ กว่ากากอ้อยจะหลุดลงคอลงไปได้ แกกินน้ำไปหลายแก้วทีเดียว
อาหารเมนูต่อมาเขาก็นำขนมจีนมาเสิร์ฟ ฝ่ายลูกชายก็ตักขนมจีนมากิน นายดีก็ทำตามเช่นเคย
ระหว่างที่กินกันอยู่นั้น ลูกชายก็บังเกิดความสงสัยขึ้นว่า ตอนที่พ่อกินอ้อยอยู่ พ่อเอากากไปทิ้งไว้ที่ไหน
มองดูรอบบริเวณที่นายดีนั่งอยู่ก็ไม่เห็นว่ามีกากอ้อยตกอยู่เลย ลูกชายจึงถามพ่อขึ้นมาว่า
“พ่อ..ตอนที่พ่อกินอ้อยอยู่หนะ พ่อเอากากอ้อยไปท้งไว้ที่ไหน วางทิ้งไว้เรี่ยราดไม่ได้นะพ่อ”
นายทองดีตอบลูกชายว่า “พ่อก็กลืนเข้าไปนะซิวะ เพราะพ่อไม่เห็นแกคายกากอ้อยออกมาเลยหนะซิ”
พอลูกชายได้ยินดังนั้นก็ขำขึ้นมาจนกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ ก็เลยสำลักขนมจีนที่กินเข้าไป เส้นขนมจีนจึงออกมาทางจมูก นายดีเห็นดังนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า
“พ่อยอมแล้วลูก ที่ลูกทำแบบนี้พ่อทำตามไม่ได้หรอก” นายดีกล่าวขึ้นพร้อมกับทั้งยกมือไหว้ลูกชายของตน