หุ้นไทยผันผวนรับวิกฤติเศรษฐกิจยุโรป
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยผันผวน ดัชนีปรับตัวลดลงจากแนวต้านสำคัญที่ 1,200 จุด มาอยู่ที่ระดับ 1,180 จุด หลังจากตลาดหุ้นเจอพิษวิกฤติเศรษฐกิจยุโรปกระหน่ำ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังเทขายต่อเนื่องโดยตั้งแต่วันที่ 23-26 ก.ค. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 6,249.20 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยลบจากวิกฤติเศรษฐกิจยุโรปไม่มากนัก เพราะพื้นฐานเศรษฐ กิจไทยยังแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์หน้า นักลงทุนยังต้องติดตามปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการประ ชุมธนาคารกลางยุโรปที่จะมีขึ้นในช่วงสัปดาห์หน้าว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ เพิ่มเติมอีกหรือไม่ หากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐ กิจใหม่ๆ อาจช่วยกระตุ้นดัชนีให้ปรับตัวขึ้นได้
ทั้งนี้ ในช่วงที่ดัชนีผันผวน นักวิเคราะห์ฯ ประเมินว่า หุ้นที่มีแนวโน้มสดใส คือ กลุ่มลีสซิ่ง หลังจากผลงานไตรมาส 2/2555 ออกมาดี รับอานิสงส์อุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัว-ออเดอร์เพิ่ม
โดย บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการกลุ่มเช่าซื้อรถยนต์ (ASK, KCAR) และจักรยานยนต์ (TK, GL) ในกลุ่ม non bank ทั้ง 4 บริษัทที่ฝ่ายวิจัยศึกษา ได้แก่ TK, GL, ASK และ KCAR ล้วนได้รับอานิสงส์บวกจากการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์รถจักรยานยนต์ ในประเทศในงวดไตรมาส 2/2555 ที่เดินหน้าขึ้นทำจุดสูงสุดต่อเนื่องในรายเดือนสิ้นสุดถึงเดือนมิ.ย.2555
โดยยอดขายรถยนต์ในประเทศรวมใน ช่วงไตรมาส 2/2555 เท่ากับ 3.27 แสนคัน เติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 18% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และ 69.2% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยยอดขายสะสมในช่วงครึ่งปีแรก 2555 เท่ากับ 6.04 แสนคัน เติบโตถึง 39.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 50% ของคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ในประเทศทั้งปี 2555 ที่ประเมินไว้ที่ 1.2 ล้านคัน (ขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ในรายปี)
ส่วนผลสรุปแนวโน้มผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2555 ของบริษัทกลุ่มเช่าซื้อรถยนต์ในงวดดังกล่าวที่ฝ่ายวิจัยได้นำเสนอไปอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่า TK และ ASK จะแสดงการเติบโตของกำไรในไตร มาส 2/2555 ที่โดดเด่นสุดถึง 26.3% และ 20.5% ตามลำดับ ตามด้วย GL เติบโต 7.9% และ KCAR เติบโต 6.6% ด้วยปัจจัยหนุนจากการเติบโตของสินเชื่อสุทธิที่โดดเด่นในงวดนี้
ยกเว้น KCAR ซึ่งแม้จะประกอบธุรกิจให้เช่ารถยนต์ประเภท Operating lease แต่ก็ ได้รับผลบวกจากธุรกิจการยายรถยนต์มือสองผ่านบริษัทย่อย ได้แก่ บ.กรุงไทย ออโตโมบิลฯ (KCAR ถือหุ้น 95%) ภายใต้แบรนด์โตโยต้า ชัวร์ ซึ่งมีการเติบโตของธุรกิจอย่างโดดเด่น อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่ให้ margin สูงเมื่อเทียบกับธุรกิจให้เช่ารถยนต์.