ปิ่นโตเถาเล็ก : เสน่ห์ปลายจวัก ใครได้ชิมแล้วจะรักปักใจ
ไม่พูดพร่ำทำเพลง ขอแนะนำร้านอาหารไทยตำรับพงไพรจานเด็ดเผ็ดร้อน ตั้งชื่อได้ไพเราะเพราะพริ้งว่า เสน่ห์ปลายจวัก เจ้าของร้านผ่านร้อนผ่านหนาวมีประวัติความเป็นมายิ่งกว่าละครชีวิตดราม่า
ลุงเปี๊ยก-สุวพล ปัญญรัตน์ ศิลปินเพาะช่าง ผู้ผันตัวเองในช่วงวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง จากคนโฆษณาไปขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ชายป่าทองผาภูมิ ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน ป่วยหนักเฉียดตาย โดนโกงโดนหลอกมาสารพัด ในที่สุดศิลปินผู้นี้ได้คิดค้นสูตรอาหาร ทเมินไพร ที่แปลว่า พรานป่า มาเปิดร้านเสน่ห์ปลายจวักอยู่ที่เมืองนนท์ ริม ถนนนครอินทร์
ทางไปร้านนั้น ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ฝั่งพระนคร ให้ข้าม สะพานพระราม 5 ไปลงถนนนครอินทร์ จากนั้น ให้วิ่งตรงไปข้ามสะพานลอย 2 สะพาน แล้วไป กลับรถที่ใต้สะพานข้ามแยกวงเวียนราชพฤกษ์ กลับรถแล้วให้ชิดซ้ายทันที อีกเพียงอึดใจเดียวก็จะเห็นร้านเสน่ห์ปลายจวักอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนถ้ามาทางฝั่งธน จากด้านบรมราชชนนี วิ่งมาบนถนนราชพฤกษ์ ให้เลี้ยวขวาที่วงเวียนราชพฤกษ์เข้าถนนนครอินทร์ ก็จะถึงร้านเช่นกัน
ร้านเสน่ห์ปลายจวักเปิดมาตั้งแต่ปลายปี 2546 ผมเคยมาชิมแล้วเมื่อหลายปีก่อน ยังจำได้ว่าอร่อยเผ็ดร้อนชนิดกินข้าวคำน้ำสองคำ ตอนนี้ลุงเปี๊ยกได้ลดโทนความเผ็ดลงไปมากพอประมาณแล้ว เพราะเดี๋ยวนี้มีลูกค้าประเภทครอบครัวลูกเด็กเล็กแดงมาอุดหนุนกันมากมาย
ลักษณะการตกแต่งร้านเป็นไม้ๆ สไตล์พื้นบ้านเหมือนอยู่ในป่าเมืองกาญจน์ เดี๋ยวนี้มีโซนสวนด้านในเพิ่มขึ้นมาด้วย แต่เปิดเฉพาะตอนกลางวันเท่านั้น ส่วนโซนด้านหน้าเปิดบริการตลอด
ถ้าแฟนๆ ตามมาชิม ควรยกโขยงกันมาหลายคน จะได้เลือกชิมกับข้าวได้หลายอย่าง ซึ่งมีทั้งปลาแม่น้ำหลากหลายรวมไปถึงอาหารทะเลรสจัด ระหว่างที่รออาหารอย่านั่งเฉย ให้ลุกขึ้นไปอ่านคำคมบทกลอนของศิลปิน อาทิ คาถาบูชาเมีย คาถาบูชาผัว ที่แปะอยู่ตามเสา ฝาผนัง รวมถึงคำประกาศในเมนูอีกด้วย รับรองว่าต้องเกิดอาการขำๆ สนุกสนานครื้นเครง
ของอร่อยสูตรทเมินไพรของลุงเปี๊ยกและป้าปิยะพรมีมากมาย เริ่มกันด้วย ยำถั่วพู ?ปลายจวัก? (110 บาท) สูตรศิลปิน คุณป้า
บอกว่า เลือกใช้แต่ถั่วพูขาวสดๆ ซอยบางๆ แล้วแช่น้ำ เปิดน้ำให้ไหลผ่าน จึงจะไม่เหม็นเขียว เอามายำกับกุ้งแห้งทอด ปลาหมึกเต่าทองแห้งๆ ถั่วลิสงคั่ว ปรุงรสด้วยพริกป่น เกลือ มะนาว น้ำตาล ได้รสชาติ 3 รสแบบจัดจ้านชื่นใจ
ผัดฉ่าตังเก (280 บาท) จานนี้ห้ามพลาด ใส่ของทะเลรวมหลายอย่าง มีปลากระโทงแทงที่ปากแหลมๆ ยาวๆ ปลาหมึกศอก กุ้งตัวโตๆ หอยลาย หอยแมลงภู่ ผัดใส่พริกกระเทียม ซอสปรุงรส ไม่มีน้ำปลา แต่รสชาติดีทั้งเนื้อและน้ำจริงๆ
และสุดยอดของความร้อนแรงอร่อยอย่าบอกใครก็คือ แกงป่าลั่นปลาแค้ (250 บาท) เนื้อปลานุ่มเนียนติดหนังสีเหลืองสวยชิ้นโต ใส่หน่อไม้ มะเขือพวง มะเขือเปราะ มะระขี้นก (ตุ้งติ้ง) โปะด้วยใบยี่หร่าสดมาเต็มชาม ชามเดียวกินได้ทั้งโต๊ะ อย่าลืมเตรียมน้ำดื่มกับทิชชู ไว้ใกล้ๆ นะจ๊ะ
ต้องเบรกความเผ็ดร้อนด้วยตัวช่วย ไข่เจียวปลายจวัก (100 บาท) เป็นตั้งสูงๆ หนาๆ สวยงามทำจากไข่เป็ดหอมมัน อีกอย่างที่ไม่เผ็ดและรสชาตินุ่มนวลชวนกินต้อง ปูหลนผักสดปลายจวัก (120 บาท) มาพร้อมผักสดจานโต ใส่ปูแสมแม่กลองของดี ดูดแทะได้มันๆ
เมนูปลาเด็ดๆ มีทั้งปลาแม่น้ำและปลาทะเล เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินเพลินต้อง ปลาเนื้ออ่อนสมุนไพร (280-350 บาท) ปลาเนื้ออ่อนทอดตัวโตๆ โรยด้วยตะไคร้ซอยทอดกรอบ กินคู่กับน้ำจิ้มยำมะม่วงที่ปรุงด้วยเกลือแทนน้ำปลา และที่พลาดไม่ได้เช่นกันคือ ปลากุเลาทอดยำสมุนไพรสด (350-600 บาทราคาตามขนาด) ปลาตัวเบ้อเริ่มเนื้อแน่นสดราดน้ำยำใส่กระเทียมโทน ปรุงเครื่องมาไม่ยั้ง โรยหน้าด้วยถั่วลิสง มะม่วงหิมพานต์ และใบสะระแหน่สด
ส่วนของซดๆ นั้นให้สั่ง ต้มยำปลาคังยอดมะขามอ่อน (250 บาท) เปรี้ยวและหอมอย่างสดชื่นด้วยใบมะขามอ่อน ใส่พริกขี้หนูลอยฟ่อง เนื้อปลาสดมากๆ เห็นบอกว่าเดี๋ยวนี้สนนราคาปลาคังสดๆ ตัวเป็นพันบาทเลย จานเด็ดสูตรพรานป่าทเมินไพรอีกอย่าง กบผัดขี้เมา (190 บาท) กบสดๆ ผัดใส่ใบมะกรูด ใบมะดัน ใบยี่หร่า พริกขี้หนูตำและอื่นๆ อีกมากมาย ถึงเครื่องเผ็ดร้อนอีกแล้ว
ยังมีของอร่อยอีกมากมาย ทั้งปลาทูแม่กลอง ปลาบึก ปลาม้า ปลากราย ปลาทราย ปลาเต๋าเต้ย ปลาอินทรี ไข่ปลาเรียวเซียว ไก่บ้าน ปูทะเล ปลา
กระบอก ฯลฯ อร่อยแบบพรานป่าสารพัดตำรับศิลปินอย่างนี้ หากินที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนะจ๊ะ เชิญไปลิ้มลองได้ทุกวันยกเว้นวันจันทร์สุดท้ายของเดือน