ภาพความสวยงามของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า เป็นบรรยากาศแสนโรแมนติกที่เราสามารถพบเจอได้ทุกวัน และทราบไหมคะว่า ความโรแมนติกใกล้ตัวเราแบบนี้ มีผลงานวิจัยหลายชิ้นการันตีถึงประโยชน์ต่อสุขภาพของเรามากมาย ให้อะไรกับชีวิตเกินกว่าที่คุณจะคาดคิดด้วย
โดยผลวิจัยจากหลายสถาบันบอกว่า การดูพระอาทิตย์ตกดินไม่เพียงแต่เปิดโอกาสให้คุณมีช่วงเวลาผ่อนคลายความตึงเครียดในแต่ละวันเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ร่างกายทำงานตามระบบเวลาของนาฬิกาชีวิตได้อย่างราบรื่น ยิ่งถ้าคุณแบ่งเวลามาดูพระอาทิตย์ตกดินทุกเย็น นอกจากความโรแมนติก และภาพธรรมชาติที่งดงามแล้ว คุณยังจะได้รับข้อดีอีก 6 ข้อ ตามที่เว็บไซต์ Huffington Post เขารวบรวมมาบอกเราดังต่อไปนี้ด้วยจ้า
1. ช่วยพัฒนาความคิดเชิงบวก
ผลงานวิจัยทางจิตวิทยาเมื่อปี 2012 ได้แสดงผลการทดลองเอาไว้ว่า อาสาสมัครที่ใช้เวลาดื่มด่ำกับภาพพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม จะเกิดความรู้สึกพึงพอใจ อิ่มเอม และช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นก็จะทำให้เขาเกิดสมาธิ มีโอกาสได้ใช้มุมมองด้านบวกมากขึ้น พร้อมกันนั้นก็ผลักดันให้เกิดความหวังในการใช้ชีวิตมากกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่คิดว่า ตัวเองมีเวลาเหลืออีกมากมายที่จะทำในสิ่งที่อยากทำ ทำให้เปลี่ยนวิถีมาใช้ชีวิตแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรีบจนรู้สึกเหนื่อยและล้า
2. เติมพลังชีวิตอย่างเต็มเปี่ยม
แม้หลายคนจะอ้างว่าไม่มีเวลามากพอจะมาอ้อยอิ่งชื่นชมพระอาทิตย์ตกดินทุกเย็น แต่ถ้าคุณสามารถปลีกเวลาออกมาดูพระอาทิตย์ตกดินอย่างน้อยแค่ 20 นาที ก่อนกลับเข้าไปทำงานอีกครั้ง (ในกรณีคนเลิกงานดึก) ก็เพียงพอให้คุณได้สัมผัสแสงแดดอ่อน ๆ และถือโอกาสผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวัน
อีกทั้งงานวิจัยจากสถาบันวิจัยจิตวิทยากับสิ่งแวดล้อมยังบอกมาอีกด้วยว่า ธรรมชาติก็เปรียบเสมือนเชื้อเพลิงชั้นดีของจิตวิญญาณ ยิ่งเราได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากแค่ไหน เราก็จะยิ่งมีพลังใจเพื่อต่อสู้กับสิ่งต่าง ๆ ในแต่ละวันมากขึ้นเท่านั้น เนื่องมาจากออกซิเจนที่เราได้รับเข้าไปพร้อมกับบรรยากาศที่กำลังสบายในช่วงเย็น จะปลุกให้สมองและระบบต่าง ๆ ในร่างกายตื่นตัว สดใส และกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้ง่าย ๆ นั่นเอง
3. ฝึกสมาธิ และส่งเสริมสุขภาพ
ถ้าอยากได้โชค 2 ชั้น ผู้เชี่ยวชาญก็แนะนำให้คุณออกกำลังกายเบา ๆ ยามเย็นเคล้าแสงแดดอ่อน ๆ ไปด้วยเลย เพราะการออกกำลังกายในช่วงนี้ จะช่วยลดความเสี่ยงโรคซึมเศร้า ลดอาการวิตกกังวล และลดความเครียดได้ด้วยนะคะ แต่ถ้าใครอยากจะนั่งชมพระอาทิตย์ตกเฉย ๆ ก็ตามสบายเช่นกัน เพราะได้ฝึกสมาธิ ส่งผลดีต่อระบบความจำ ลดความกดดัน และความเครียด รวมทั้งยังช่วยจัดระเบียบระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายได้อีกทาง เรียกได้ว่า มีประโยชน์ไม่แพ้กันเลยล่ะค่ะ
4. ช่วยให้ห่างไกลจากโลกเทคโนโลยี (ชั่วคราว)
ระยะแรก ๆ ที่เพิ่งได้ลองมาดูพระอาทิตย์ตกดิน คุณอาจจะตื่นเต้นและอยากจะเก็บภาพสวย ๆ ไว้ในโทรศัพท์มือถือ เพื่อเอาไว้แชร์ในโซเซียลเน็ตเวิร์ก แต่พอผ่านไปได้สักพัก ความคุ้นชินและความสวยงามที่อยู่ตรงหน้า จะทำให้คุณเลิกสนใจจะเก็บภาพ แล้วหันมาใส่ใจเก็บบรรยากาศที่รายล้อมรอบตัวมากกว่า ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี ที่จะได้กลับมาใช้ชีวิตแบบไร้เทคโนโลยีที่เกินความจำเป็นบ้าง แม้จะแค่ชั่วคราวก็เถอะ
5. กระตุ้นจิตสำนึกด้านดี
ภาพความสวยงามของธรรมชาติที่ไร้การปรุงแต่ง มักจะทำให้เราเกิดความรู้สึกปลื้มปิติ จนนึกอยากจะขอบคุณธรรมชาติที่รังสรรค์สิ่งดี ๆ แบบนี้ให้กับมนุษย์เราในทุกครั้ง ซึ่งนักจิตวิทยาก็อธิบายเพิ่มเติมว่า ความรู้สึกเหล่านี้มีความเกี่ยวเนื่องกับจิตสำนึกด้านดี ที่จะชักนำให้คุณแสดงออกด้วยพฤติกรรมเชิงบวกต่อไป นอกจากนี้การมุ่งความสนใจไปยังสิ่งที่เรารู้สึกดี หรือให้ความสนใจในเชิงบวก จะช่วยให้รู้สึกรื่นเริง พัฒนาการนอนหลับ และได้ฝึกความอดทนไปในตัวอีกด้วยนะ
6. สร้างแรงบันดาลใจ
แม้ช่วงเวลาของพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ แต่กลับมีอานุภาพมากพอจะสร้างแรงบันดาลใจดี ๆ ให้กับใครหลายคนอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ซึ่งนักจิตวิทยาก็เน้นย้ำมาอีกครั้งว่า การโบกมือลาของพระอาทิตย์ ก็เปรียบเสมือนสัญญาณว่าเราใช้ชีวิตผ่านพ้นไปได้อีกวัน เพื่อเตรียมพร้อมรับวันใหม่ที่สดใสในวันรุ่งขึ้น และวันต่อ ๆ ไปเรื่อย ๆ และตราบใดที่พระอาทิตย์ยังคงขึ้นจากขอบฟ้า เราก็ยังคงมีหวังในชีวิตตลอดไปนั่นเอง
หลายครั้งที่ผ่านช่วงเวลาร้าย ๆ เราก็เฝ้ารอเวลาให้พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า และโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อเป็นสัญญาณของเช้าวันใหม่ ที่หวังว่าจะดีกว่าเมื่อวาน และเมื่อได้ทราบข้อดีของการแบ่งเวลามาดูพระอาทิตย์ตกดินอย่างที่เราได้บอกไปแล้ว ต่อไปนี้ก็อย่าลืมเผื่อเวลามาชื่นชมความงดงามของธรรมชาติกันด้วยนะจ๊ะ