เป๊ปซี่เตรียมแผนรับมือเลิกสัญญาธุรกิจกับผู้ผลิตเดิมเสริมสุข 1 พ.ย.นี้ ทั้งเร่งขยายกำลังผลิตขวดพีอีที ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง หลังทุ่มงบกว่า 4 พันล้าน ซื้อโรงงานผลิตน้ำอัดลมขวดพีอีทีจากซานมิเกล
แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มเปิดเผยว่า ภายหลังจากที่กลุ่มเป๊ปซี่ โค จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์และผู้ทำตลาดน้ำอัดลมเป๊ปซี่ ในประเทศไทยได้ซื้อโรงงานผลิตเครื่องดื่มจากบริษัท ซานมิเกล ประเทศไทย ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง ด้วยเม็ดเงินกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งเดิมโรงงานดังกล่าวเคยใช้สำหรับผลิตน้ำอัดลมแบบขวดพลาสติกพีอีที ให้กับซานมิเกล แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำตลาด และได้ยกเลิกการทำตลาดน้ำอัดลมไป ทางเป๊ปซี่จึงได้ซื้อมา เพื่อใช้สำหรับผลิตน้ำอัดลมเป๊ปซี่แทน บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) พันธมิตรทางธุรกิจเดิมในฐานะผู้ผลิตน้ำอัดลมให้เป๊ปซี่ ซึ่งจะหมดสัญญาในวันที่ 1 พฤศจิกายนของปีนี้นั้น ล่าสุด ทางเป๊ปซี่ โคได้เตรียมขยายกำลังการผลิตต่อ เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการในฐานะผู้นำตลาดเครื่องดื่มน้ำดำ โดยจะขยายโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ซึ่งเป๊ปซี่ โคได้มอบหมายให้บริษัท ชัชวาล-รอยัล แฮสโคนิ่ง จำกัด เป็นที่ปรึกษาโครงการการและดำเนินการจัดการด้านการออกแบบโครงการและการก่อสร้าง ขยายโรงงานในครั้งนี้
"การดำเนินงานจะถูกแบ่งเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรก เป็นการปรับเปลี่ยนส่วนอาคารที่มีอยู่เดิมและการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคเพื่อใช้เป็นโรงงานในการผลิตขวดพีอีที ติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเติม พร้อมขยายพื้นที่ในส่วนคลังสินค้า ส่วนในเฟส 2 จะเป็นการลงทุนในพื้นที่ส่วนต่อขยายใหม่เพิ่มเติม เพื่อขยายกำลังผลิตบรรจุภัณฑ์พีอีที ซึ่งจะเป็นอาคารเชื่อมต่อจากอาคารเดิม" แหล่งข่าวกล่าว และว่า
สำหรับโรงงานผลิตซานมิเกลเป็นไลน์การผลิตบรรจุภัณฑ์แบบพีอีทีและมีเพียง 2 ไลน์การผลิตซึ่งอาจไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับยอดขายของเป๊ปซี่ในแต่ละปี อย่างไรก็ตาม แผนการขยายกำลังการผลิตและการขยายพื้นที่การผลิตใหม่ จะเป็นการขยายกำลังผลิตเฉพาะขวดพีอีทีเท่านั้น ส่วนไลน์การผลิตขวดแก้ว ซึ่งเป็นฐานรายได้หลักของเป๊ปซี่ อีกทั้งยังเป็นบรรจุภัณฑ์หลักที่มีการขายสูงสุดในตลาดน้ำดำ ยังไม่ได้เปิดเผยว่าจะลงทุนใหม่ทั้งหมดหรือจะใช้ระบบการจ้างผลิต นอกจากนี้ เป๊ปซี่ โคยังอยู่ระหว่างการหาพันธมิตรเครือข่ายกระจายสินค้าใหม่แทนเสริมสุข ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลในเร็วๆ นี้